ประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้สมัครงาน และพนักงาน

บริษัท เอฟแอนด์เอ็น ยูไนเต็ด จำกัด และ/หรือบริษัทในกลุ่มเครือไทยเบฟเวอเรจ (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และดำรงไว้ซึ่งมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรฐานที่เหมาะสม และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงฉบับแก้ไข/เพิ่มเติมในภายหลัง (“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) บริษัทจึงจัดทำประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) สำหรับผู้สมัครงาน และพนักงาน (ต่อไปนี้ให้รวมเรียกว่า “ท่าน”) เพื่อแจ้งให้ท่านทราบและเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ฐานทางกฎหมาย ระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ประมวลผล”) ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังรายละเอียดดังต่อไปนี้้

1. คำนิยาม
คำต่อไปนี้ให้มีความหมายตามที่ให้คำนิยามดังต่อไปนี้
(ก) "กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" หมายความว่า กฎหมาย กฎระเบียบ และข้อกำหนดทางกฎหมายอื่นใดทั้งปวง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ("พระราชบัญญัติฯ") และกฎหมายลำดับรองที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติฯทั้งที่มีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันและที่จะมีการเพิ่มเติมหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงในภายหลัง รวมทั้งแนวทางและการตีความของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (ตามที่มีการแก้ไขและ/หรือเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว)
(ข) "การประมวลผล" หมายความว่า การดำเนินการหรือชุดการดำเนินการที่กระทำกับข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งโดยอัตโนมัติและไม่อัตโนมัติ เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การจัดการ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลง การเรียกคืน การปรึกษา การใช้ การเปิดเผยโดยการโอน การเผยแพร่หรือการทำให้เข้าถึงได้ การโอนไปต่างประเทศ การปรับแนวหรือการรวม การขัดขวาง การลบ หรือการทำลาย
(ค) "ข้อมูลส่วนบุคคล" หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
(ง) "ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล" หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
(จ) "ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล" หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
(ฉ) “พนักงาน” หมายความว่า บุคคลซึ่งทำงานหรือปฏิบัติหน้าที่ใดๆให้กับบริษัท และได้ค่าจ้าง สวัสดิการ หรือค่าตอบแทนอื่นไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรเพื่อตอบแทนการทำงาน เช่น กรรมการ ผู้บริหาร ผู้จัดการ พนักงาน ผู้ฝึกงาน หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ไม่รวมถึงผู้รับจ้างหรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นคู่ค้าของบริษัท
(ช) “ผู้สมัครงาน” หมายความว่า บุคคลที่มาสมัครงานโดยตรงกับบริษัท หรือบุคคลที่มาสมัครงานผ่านบริษัทจัดหางาน หรือบุคคลที่ได้รับคัดเลือกเป็นพนักงานของบริษัท โดยบริษัทเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานโดยตรง
(ซ) “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่ไม่ใช่กรณีที่บุคคลมีความเป็นเจ้าของข้อมูล (Ownership) หรือเป็นผู้สร้างหรือเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นเอง โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะหมายถึงบุคคลธรรมดาเท่านั้น และไม่รวมถึง “นิติบุคคล” (Juridical Person) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคมมูลนิธิหรือองค์กรอื่นใด

2. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม และการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล : บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่างๆที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรงจากการสมัครเข้าเป็นพนักงาน หรือจากการทำแบบทดสอบ/การเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท หรือจากการที่บริษัทขอหรือสอบถามข้อมูลเหล่านั้นจากท่าน หรือจากการดำเนินงานของบริษัท และ/หรือบริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากพนักงานของบริษัทหรือจากบุคคลภายนอก เช่น เว็บไซต์สมัครงานของบุคคลที่สาม บริษัทจัดหางาน หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา เป็นต้น โดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัททำการประมวลผล มีดังต่อไปนี้
2.1. ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
2.1.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา สถานภาพสมรส สถานภาพทางทหาร ข้อมูลบุคคลในครอบครัว ข้อมูลของสมาชิกในครอบครัว ข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น
2.1.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) ไลน์ไอดี (LINE ID) ช่องทางการติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์/สื่อโซเชียลมีเดีย ข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน และข้อมูลบุคคลอ้างอิง เป็นต้น
2.1.3 ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา การฝึกอบรม เช่น ประวัติการศึกษาและการฝึกอบรม (เช่น ชื่อสถาบัน คณะ สาขาวิชา และปีที่จบ เป็นต้น) หนังสือรับรองคุณวุฒิ ใบแสดงผลการศึกษาความสามารถทางภาษา ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ข้อมูลการอบรมและข้อมูลการทดสอบ เป็นต้น
2.1.4 ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครงาน เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน ข้อมูลที่ปรากฏใน Resume/CV ข้อมูลประวัติอาชญากรรม ตำแหน่งที่สมัคร เงินเดือนที่คาดหวัง ข้อมูลการสัมภาษณ์งาน หลักฐานหรือหนังสืออ้างอิงต่าง ๆ และข้อมูลที่ปรากฏในแบบประเมินผลการสัมภาษณ์ เป็นต้น
2.1.5 ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงาน ประวัติการทำงานก่อนและเมื่อเข้าเป็นพนักงานของบริษัท ดังนี้
(1) ข้อมูลก่อนเข้าเป็นพนักงานของบริษัท เช่น รายละเอียดของตำแหน่ง หน้าที่ค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับจากนายจ้างเดิม รายละเอียดของนายจ้างเดิม สถานที่ทำงานหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของนายจ้างเดิม เป็นต้น
(2) ข้อมูลเมื่อเป็นพนักงานของบริษัทแล้ว เช่น ตำแหน่ง หน้าที่ ค่าตอบแทนสวัสดิการที่ได้รับจากบริษัท สังกัด สถานที่ทำงาน ตั้งแต่เข้าเป็นพนักงานจนถึงปัจจุบัน เป็นต้น
2.1.6 ข้อมูลคู่สมรส บุตร บิดา มารดา เช่น ชื่อ-สกุล เลขที่บัตรประชาชน/หนังสือเดินทาง วันเดือนปีเกิด สัญชาติ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
2.1.7 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการสมัครงานหรือทำนิติกรรมต่างๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบสำคัญการเกณฑ์ทหาร สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาสูติบัตร ใบรับรองแพทย์ ผลการตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงาน แบบระบุนามผู้รับผลประโยชน์ แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน สัญญาจ้างงาน และเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
2.1.8 ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการประเมินผล เช่น รหัสพนักงาน ตำแหน่ง แผนก สังกัด สายการบังคับบัญชา การประเมินผลการปฏิบัติงาน ข้อมูลการฝึกอบรม ข้อมูลการลงโทษทางวินัย ข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือโอนย้ายพนักงาน ใบลาออกจากการเป็นพนักงาน และเหตุผลที่ลาออก เป็นต้น
2.1.9 ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าตอบแทน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ผลตอบแทน โบนัส รายละเอียดเกี่ยวกับค่าบำเหน็จ สวัสดิการ เลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลของผู้รับผลประโยชน์ ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันสังคม ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ข้อมูลด้านภาษีอากร ข้อมูลการหักลดหย่อนภาษี ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบรับรองแพทย์ รายงานสุขภาพประจำปี แบบแจ้งการ ลาคลอด หนังสือยินยอมให้หักเงินเดือน เป็นต้น
2.1.10 ข้อมูลที่รวบรวมจากการมีส่วนร่วมกับบริษัท เช่น การเข้าร่วมกิจกรรม การตอบแบบสำรวจ การตอบแบบประเมิน เป็นต้น
2.1.11 ข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะ (เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ยี่ห้อ สี) ใบอนุญาตขับขี่รายการจดทะเบียนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ และกรณีที่ท่านขับขี่ยานพาหนะที่บริษัทจัดหาให้ บริษัทจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับขี่ยานพาหนะของท่านด้วย
2.1.12 ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) เป็นต้น
2.1.13 ข้อมูลอื่นๆ เช่น บันทึกเสียงการสนทนา และภาพเคลื่อนไหว ผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) ข้อมูลจากการบันทึกภาพและ/หรือเสียงระหว่างการปฏิบัติงานหรือการประชุมต่างๆ ภาพ/วีดีโอบันทึกจากกล้องวงจรปิด หรือการบันทึกเสียงสนทนากรณีติดต่อกับลูกค้าหรือบุคคลภายนอก เป็นต้น
2.2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
2.2.1 ข้อมูลสุขภาพ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ผลการตรวจร่างกายหมู่โลหิต ใบรับรองแพทย์ ประวัติการรักษาพยาบาล ประวัติการจ่ายยา ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล เพื่อการคุ้มครองแรงงานและการจัดให้มีสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสำหรับพนักงาน การประเมินความสามารถในการทำงานของพนักงาน การปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของพนักงานสำหรับการบริหารจัดการที่เหมาะสมอื่นๆ เป็นต้น
2.2.2 ข้อมูลชีวภาพ (biometric data) เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า เพื่อใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนของท่าน การป้องกันอาชญากรรม และการรักษาประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น
2.2.3 ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการปฏิบัติงานและรักษาประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของผู้อื่น โดยบริษัทจะเก็บจากหลักฐานที่ท่านนำมาแสดงหรือท่านยินยอมให้ตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย โดยบริษัทจะจัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลดังกล่าวตามที่กฎหมายกำหนด
2.2.4 ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน เพื่อประกอบการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรม และสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงาน รวมถึงเพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านการดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน
2.2.5 ความเชื่อในลัทธิศาสนา ปรัชญา เชื้อชาติ สัญชาติ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เพื่อประกอบ การจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรมและสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงาน รวมถึงเพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านการดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน
2.2.6 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวอื่นๆตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย เช่น เพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม เงินทดแทน และสวัสดิการของพนักงาน เป็นต้น
2.3. ในกรณีที่จำเป็นบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน โดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่านด้วย
2.4 การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล บริษัททำการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามลักษณะของข้อมูลที่ได้รับ
2.4.1. ข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Soft Copy) จากระบบงานคอมพิวเตอร์ของบริษัท จะถูกจัดเก็บในฐานข้อมูลกลางของบริษัทที่มีการดูแลและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลมีการกำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล (Access Control) รวมถึงมีการควบคุมสิทธิการเข้าห้องศูนย์คอมพิวเตอร์
2.4.2. ข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบเอกสารกระดาษ (Hard Copy) สำหรับเอกสารกระดาษที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติงานของบริษัทจะถูกจัดเก็บในพื้นที่ปลอดภัยของบริษัท ซึ่งมีการกำหนดสิทธิการเข้าพื้นที่ สำหรับเอกสารกระดาษที่ปฎิบัติงานเสร็จแล้ว จะถูกจัดเก็บที่คลังเก็บเอกสารที่มีระบบการรักษาความปลอดภัย

3. วัตถุประสงค์และฐานการประมวลผลที่บริษัทจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทจะจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับท่านเฉพาะกรณีที่จำเป็น โดยอาศัยฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ฐานการปฏิบัติตามสัญญา ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย ฐานความยินยอม หรือฐานทางกฎหมายอื่นๆตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดแล้วแต่กรณี โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์ในจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
3.1 เพื่อดำเนินการสัมภาษณ์งาน วิเคราะห์ตรวจสอบประวัติการศึกษา ประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้อง
3.2 เพื่อวัตถุประสงค์ในการยืนยันตัวตนของท่าน
3.3 เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของเจ้าของข้อมูล เช่น อายุ สัญชาติ การตรวจสอบว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ประวัติอาชญากรรม ประวัติการถูกไล่ออก ปลดออกหรือให้ออกจากราชการ การมีส่วนได้เสียในกิจการที่กระทำกับหรือแข่งขันกับกิจการของบริษัท เป็นต้น
3.4 เพื่อใช้ในการดำเนินการก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท เช่น จัดทำสัญญาจ้างงาน ข้อตกลง การปฏิบัติตามสัญญาจ้างงาน การปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานบุคคลของบริษัท จรรยาบรรณ การมอบหมายให้ปฏิบัติงาน การโยกย้ายพนักงาน การฝึกอบรม การประเมินผลการปฏิบัติงาน การพิจารณาตำแหน่งงานและค่าตอบแทน การบริหารและการดูแลเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน เป็นต้น
3.5 เพื่อดำเนินการบรรจุ ขึ้นทะเบียนเป็นพนักงาน จัดเตรียมบัตรประจำตัว เครื่องใช้ อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ อีเมล username password ของระบบต่างๆของบริษัทเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงาน
3.6 เพื่อบริหารจัดการเรื่องเงินเดือน ค่าตอบแทนพิเศษ ค่าล่วงเวลา ค่าที่พัก ค่าเดินทาง รวมถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและผลประโยชน์อื่น ๆ ของท่าน
3.7 เพื่อลงเวลาปฏิบัติงาน การบริหารจัดการด้านวันหยุด วันลา ขาดงาน สาย
3.8 เพื่อการรักษาความปลอดภัยของสถานประกอบการและสาขาของบริษัท และ/หรือเพื่อความปลอดภัยและป้องกันอาชญากรรม เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิด
3.9 เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย อาทิเช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กฎหมายควบคุมการประกอบอาชีพ และโรคจากสิ่งแวดล้อม กฎหมายควบคุมโรคติดต่อ เป็นต้น
3.10 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของพนักงานหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
3.11 เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้
3.12 เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามความยินยอมที่ท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ไว้ในแต่ละคราว
3.13 เพื่อตรวจสอบ สืบสวนสอบสวนพฤติกรรมทุจริต หรือขัดต่อกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับการทำงานของสำนักงาน การพิจารณาและลงโทษทางวินัย หรือการใช้สิทธิตามสัญญาหรือกฎหมาย
3.14 เพื่อส่งรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต หรือการประพฤติผิดสัญญา หรือการกระทำของท่านที่ได้กระทำละเมิดต่อบริษัทให้แก่หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานที่มีอำนาจตามที่มีกฎหมายกำหนด เช่น สำนักงานตำรวจ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรมสรรพากร กรมบังคับคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น
ในกรณีที่มีการใช้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ตามที่กล่าวมาข้างต้น ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่างๆ และบริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน
ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลบังคับใช้ บริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัทได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งท่านมีสิทธิยกเลิกความยินยอมได้ตลอดเวลา โดยติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดในข้อ 12. ช่องทางการติดต่อบริษัท ทั้งนี้บริษัทขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่านและดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

4. การถอนความยินยอมและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอม
กรณีที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ท่านให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ดำเนินการไปแล้วก่อนที่ท่านจะถอนความยินยอม
บริษัทมีความจำเป็นต้องจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย หรือเพื่อการเข้าทำนิติกรรมหรือสัญญาใดๆระหว่างบริษัทกับท่าน โดยหากบริษัทปราศจากความยินยอมจากท่าน บริษัทอาจไม่สามารถทำนิติกรรมหรือสัญญาใดๆกับท่าน หรืออาจก่อให้เกิดข้อจำกัดในการนิติกรรมหรือสัญญาใดๆกับบริษัท หรือส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางประการหรือทั้งหมดตามที่บริษัทแจ้งไว้ในประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเพิ่มเติม หรือทำให้บริษัทไม่อาจดำเนินการใดๆตามที่ท่านเรียกร้อง หรือท่านอาจไม่ได้รับความสะดวกจากข้อเรียกร้อง หรือทำให้ท่านไม่ได้รับความสะดวกในสิทธิประโยชน์ สวัสดิการ กิจกรรม หรือความสะดวกบางอย่างได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

5. ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น
5.1 กรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัท ท่านมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
5.1.1 แจ้งรายละเอียดตามประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทให้บุคคลนั้นทราบ รวมทั้งขอความยินยอมจาก บุคคลนั้น (กรณีที่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล)
5.1.2 ดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลนั้นได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
5.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นที่บริษัทอาจใช้ในการประมวลผล รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวด้วย เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ เพศ ข้อมูลตามที่ระบุในบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง สัญชาติ ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์อาชีพ ตำแหน่งหน้าที่ สถานที่ทำงาน เอกสารทางการเงิน ความสัมพันธ์กับท่าน ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์
5.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ และคนเสมือนไร้ความสามารถ
5.3.1 กรณีที่บริษัทต้องได้รับความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนบุคคลดังกล่าวตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (แล้วแต่กรณี)
5.3.2 กรณีที่บริษัทต้องได้รับความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ แต่บริษัทไม่ทราบในขณะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลว่าเจ้าของข้อมูลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และต่อมาบริษัทได้ทราบในภายหลังว่าบริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลซึ่งเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลของเจ้าของข้อมูล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวได้โดยอาศัยเหตุอันชอบด้วยกฎหมายและไม่ต้องขอความยินยอม

6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ข้างต้น และ/หรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ให้แก่บุคคลภายนอกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
6.1 บริษัทในกลุ่มธุรกิจภายใต้เครือไทยเบฟเวอเรจ ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในของบริษัทดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้องและตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
6.2 คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการ/ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในการให้บริการต่างๆ หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
6.3 ที่ปรึกษาของบริษัท เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายในและภายนอกของบริษัท
6.4 หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรใดๆที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมายหรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น กรมสรรพากร กระทรวงพาณิชย์ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานตำรวจ เป็นต้น

กรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมา บริษัทจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดหรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนและจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

กรณีที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุในหัวข้อ 6.1 ถึง 6.4 ที่อยู่ในต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณีบริษัทอาจขอความยินยอมจากท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว

7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของท่านตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ มาตรการป้องกันด้านเทคนิค และมาตรการป้องกันทางกายภาพ ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้องครบถ้วน และสภาพความพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ

8. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือภายในระยะเวลาที่มีสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายระหว่างท่านกับบริษัท หรือจากระยะเวลาการทำสัญญาว่าจ้าง การดำรงตำแหน่ง หรือภายในระยะเวลาการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือภายในอายุความตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) และจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปจนจะสิ้นสุดคดีความหรือจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว (ถ้ามี) โดยบริษัทมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเข้าถึง การรวบรวม การใช้ การเปิดเผย การทำสำเนา การดัดแปลง การกำจัดข้อมูล หรือความเสี่ยงในลักษณะเดียวกันโดยไม่ได้รับอนุญาต
เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือบริษัทไม่มีสิทธิหรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ภายในระยะเวลาอันสมควร เว้นแต่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะไม่สามารถทำลายหรือลบได้อันเนื่องมาจากความจำเป็นของบริษัทที่ต้องเก็บรักษาตามสัญญาอันเกี่ยวกับบุคคลอื่น หรือเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆทางกฎหมาย หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย

9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
9.1 ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องขอตามกฎหมายดังต่อไปนี้
(1) ท่านมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อจำกัดสิทธิตามกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องกับสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านหรือเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆทางกฎหมาย โดยการเพิกถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางประการหรือทั้งหมดตามที่บริษัทแจ้งไว้ในประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเพิ่มเติมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ
(2) ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้
(3) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเองในรูปแบบที่บริษัทมีการจัดระเบียบไว้แล้วและสามารถอ่านได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลไปยังบุคคลอื่นหรือตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเองด้วยเหตุบางประการได้ ทั้งนี้ บริษัทอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่าย หากการร้องขอหรือการใช้สิทธินั้นซ้ำซ้อนเกินสมควร หรือบริษัทต้องใช้ความพยายามในทางเทคนิคหรือการบริหารจัดการมากเกินสมควร
(4) ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเองด้วยเหตุบางประการได้
(5) ท่านมีสิทธิขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองได้
(6) ท่านมีสิทธิขอให้ดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองด้วยเหตุบางประการได้ เว้นแต่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นบริษัทได้เก็บรักษาไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือเป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
(7) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเหตุบางประการได้
(8) ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
(9) ท่านมีสิทธิในการยื่นข้อร้องเรียนโดยตรงกับหน่วยงานที่มีอำนาจในท้องถิ่นใดๆเกี่ยวกับวิธีการที่เราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
9.2 ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทเพื่อยื่นคำร้องขอใช้สิทธิข้างต้นได้ตามช่องทางการติดต่อบริษัทในข้อ 12. โดยบริษัทจะพิจารณาคำร้องของท่านภายในหกสิบ (60) วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอ และแจ้งผลการพิจารณาให้ท่านทราบโดยเร็วที่สุด
9.3 บริษัทมีสิทธิในการปฏิเสธคำร้องขอที่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต คำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล คำร้องขอที่กฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้ และ/หรือ คำร้องขอที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง อีกทั้งบริษัทขอสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธการดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของท่านไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเมื่อบริษัท มีเหตุผลอันสมควรและเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การดำเนินการดังกล่าวก่อให้เกิดภาระแก่บริษัทเกินสมควร เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติ เป็นการขัดต่อกฎหมาย หรืออาจมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น หรือกรณีที่บริษัทมีอำนาจตามกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน

10. คุกกี้ (Cookies) และการใช้คุกกี้
ในกรณีที่ท่านเข้าใช้งานสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆของบริษัท เช่น แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ระบบเทคโนโลโยสารสนเทศและไซเบอร์ เป็นต้น บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนด และอาจมีการวางคุกกี้ไว้ในอุปกรณ์ของผู้เข้าชม รวมถึงมีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยอัตโนมัติ ซึ่งคุกกี้บางส่วนมีความจำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม และบางส่วนเป็นคุกกี้ที่มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในนโยบายคุกกี้ของบริษัท

11. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราวตามที่เห็นสมควร เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทจะประกาศผ่านเว็บไซต์ของบริษัทหรือช่องทางการสื่อสารอื่นของบริษัท ซึ่งบริษัทอาจไม่ได้แจ้งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ท่านทราบเป็นรายบุคคล โดยถือว่าท่านยอมรับประกาศนโยบายที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นแล้ว อย่างไรก็ตามบริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่จะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และสำหรับผู้สมัครงาน หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ โปรดระงับการยื่นสมัครงานหรือติดต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคล

12. ช่องทางการติดต่อบริษัท
หากท่านมีข้อสอบถามเกี่ยวกับประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือประสงค์จะดำเนินการใดๆตามสิทธิของท่าน บริษัทยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ ให้ข้อมูล ข้อเสนอแนะ และแก้ไขข้อร้องเรียนต่างๆของท่าน โดยท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
12.1 ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนหรือด่วนพิเศษ โดยส่งจดหมายมาที่
    บริษัท เอฟแอนด์เอ็น ยูไนเต็ด จำกัด (เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
    เลขที่ 95 ถนนท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร 10150
12.2 ทางโทรศัพท์ : 02-895-7071-78 (จ.-ศ. 8:00 -17:00 น.) โทรสาร 02-895-7544
12.3 ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Mail : [email protected]